วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

ข่าว11

12 สารเคมีในบ้านที่เราควรหลีกเลี่ยง

ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เราใช้อยู่ในครัวเรือนนั้น มีส่วนผสมของสารเคมี ซึ่งก่อให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพ ขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ และฮอร์โมนในร่างกาย องค์การอนามัยโลกบอกว่า สารเคมีเหล่านี้ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้คน ส่งผลต่อการเจริญพันธุ์ และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่าง ๆ ที่เกิดกับคนในโลก
Thomas Zoeller ผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งแมซซาชูเสท บอกว่า แม้เราจะยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า สารเคมีต่าง ๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวันไปขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธว่าสารเคมีส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย
มีรายงานด้วยว่า ทุกวันนี้มีสารเคมีราว ๆ 80,000 ชนิด ที่ถูกนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กับอยู่ในชีวิตประจำวัน และสารเคมีประมาณ 1,300 ชนิด ก็ถูกพิจารณาว่าขัดขวางการทำงานของต่อมไร้ท่อ และสารเคมี 12 ชนิดต่อไปนี้ นับว่าเลวร้ายมากที่สุด ซึ่งเราควรจะต้องหลีกเลี่ยง
1.Bisphenol A หรือ BPAเป็นสารที่พบในบรรจุภัณฑ์พลาสติก ในปี 1930 มีการใช้เพื่อสังเคราะห์เอสโตรเจนให้กับผู้หญิง ดังนั้นแน่นอนว่า สารเคมีดังกล่าวมีผลต่อฮอร์โมน มีการศึกษาพบว่า มันทำหน้าที่เหมือนเอสโตรเจน ทำให้การผลิตเสปิร์มของผู้ชายลดลง ทำให้เด็กหญิงแตกวัยสาวเร็วกว่ากำหนด และยังส่งผลกระทบต่อภาวะการเจริญภัณฑ์ของทั้งชายและหญิง ในสัตว์ก็มีการศึกษาพบว่า สารเคมีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการแท้งลูก นอกจากนั้น สาร BPA นี้ ยังรบกวนระบบการเผาผลาญอาหารและมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเบาหวาน เราพบสาร BPA ในอาหารกระป๋อง ผลิตภัณฑ์พลาสติก สารเคลือบใบเสร็จ ซึ่งเราสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการลดการรับประทานอาหารกระป๋อง เลือกหาอาหารสดมาทำรับประทานเอง หลีกเลี่ยงการใช้ขวดหรือภาชนะพลาสติก และหากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องรับใบเสร็จ เมื่อเวลาช้อปปิ้ง
2.Dioxins หรือไดอ๊อกซิน เป็นสารประกอบทางเคมีที่เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง และยังเป็นสารเคมี ที่มีผลกระทบต่อฮอร์โมน ลดภาวะการเจริญพันธุ์ ทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคเยื่อบุโพรงมดลูก มีปัญหาระบบภูมิคุ้มกัน ลดระดับฮอร์โมนเทสทอสเทอร์โรน ก่อให้เกิดการแท้ง ลดปริมาณและคุณภาพของฮอร์โมน สารเคมีนี้เกิดจากการเผาขยะในปริมาณมาก และปนเข้าไปอยู่ในกระดาษ เยื่อไม้ อากาศ และน้ำ จากนั้นก็ไปก่อตัวอยู่นำไขมันของสัตว์ ซึ่งเป็นอาหารของเรา การที่จะลดปริมาณการรับสารพิษนี้ก็คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมัน และนมเนยให้น้อยลง
3.Atrazine หรืออาทราซิน สารชนิดนี้ เคยมีการวิจัยพบว่ามีผลกระทบต่อฮอร์โมนของปลาและกบ โดยทำให้ปลา และกบเพศผู้ มีความเป็นเพศเมีย ส่วนการวิจัยในมนุษย์พบว่าสารดังกล่าว ไปเพิ่มการทำงานของยีนที่เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ สารชนิดนี้นำมาใช้กันมากในการกำจัดศัตรูพืช โดยมากจะนำมาใช้กับข้าวโพด วิธีการหลีกเลี่ยงสารพวกนี้ก็คือ การเลือกบริโภคผัก ผลไม้ จากฟาร์มออร์แกนิค และลดปริมาณการรับประทานเนื้อ เพราะสารดังกล่าวปนเปื้อนอยู่ในข้าวโพด และข้าวโพดก็เป็นอาหารหลัก ๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์
4.Phthalates หรือพาทาเล็ท สารนี้เคยมีการนำมาศึกษา และพบว่า เด็กชายที่เกิดจากมารดาที่มีระดับสารพาทาเล็ทมาก มีความผิดปกติที่อวัยวะเพศ สารเคมีดังกล่าวไปรบกวนฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มีการพัฒนาของหน้าอก นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าผู้หญิงที่เป็นมะเร็งเต้านม ก็มีระดับสารชนิดนี้สูงกว่าหญิงที่ไม่เป็นมะเร็ง สารพาทาเล็ท เป็นสารที่เราพบได้มากมายในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ ทั้งพื้นบ้าน ม่านห้องน้ำ หนังสังเคราะห์ และผลิตภัณฑ์พวก PVC ไวนิล สารพาทาเล็ท ทำให้พลาสติกมีความยืดหยุ่น นอกจากนั้น ยังเป็นสารที่นำไปใช้ในผลิตภัณฑ์จำพวกสี เช่น ยาทาเล็บ สี น้ำยาเคลือบเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งยังพบสารพวกนี้ ในบรรจุภัณฑ์อาหารเป็นจำนวนมากด้วย วิธีการหลีกเลี่ยงก็คือการไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ไวนิล และเก็บอาหารไว้ในภาชนะแก้ว หรือสแตนเลสสตีล
5.Perchlorate หรือพอร์เชอเรต เป็นสารที่รบกวนการทำงานของไทรอยด์ ส่งผลต่อฮอร์โมน และการเผาผลาญอาหารของร่างกาย สารเคมีชนิดนี้ เป็นส่วนประกอบของเชื้อเพลิงจรวด ขีปนาวุธ ดอกไม้ไฟ รวมทั้งแบตเตอรี่ สารชนิดนี้ จะปนเปื้อนอยู่ในดิน และน้ำใต้ดิน และไม่มีใครทราบว่า เมื่อไหร่ที่สารเคมีนี้จะสลายตัวไป สารนี้สามารถปนเปื้อนในอาหาร เช่นไข่ นมเนย ผลไม้ และผัก การหลีกเลี่ยงก็คือ การเลือกหาอาหารจากแหล่งที่ปลอดภัยมารับประทาน
6.Flame retardants หรือสารหน่วงการติดไฟ เป็นสารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อไทรอยด์ และการเจริญพันธุ์ของเพศหญิง และเนื่องจากไทรอยด์นั้น มีผลต่อสมอง ดังนั้น สารชนิดนี้ จึงมีผลกระทบต่อระดับไอคิวของเด็กด้วย สารชนิดนี้ พบได้ในเฟอร์นิเจอร์ พรม รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้กับเด็ก เช่นหมอนให้นม ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่า ผลิตภัณฑ์หลาย ๆ อย่างในบ้าน ที่ทำงาน และในรถ มีสารชนิดนี้เป็นส่วนประกอบ อีกทั้งยังพบว่า สารดังกล่าวนี้มีอยู่ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ อย่างคอมพิวเตอร์ ทีวี โทรศัพท์มือถือ และเครื่องเล่นวีดีโอเกม วิธีการหลีกเลี่ยงก็คือ ดูดฝุ่น ทำความสะอาดบ่อย ๆ จริง ๆ แล้วเราแทบไม่สามารถหลีกเลี่ยงสารนี้ได้ จึงควรพยายามลดการแพร่กระจายของมัน เพราะสารนี้ จะออกมาจากฝุ่นในเฟอร์นิเจอร์ พรมปูพื้นรถ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการชำรุด
7.Lead หรือสารตะกั่ว เป็นเวลานานแล้วที่สารตะกั่วนั้นส่งผลต่อสุขภาพของเรา และทุกวันนี้ ก็มีการวิจัยพบว่าอันตรายจากสารตะกั่วนั้นเพิ่มมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน และความเครียดของคนเราด้วย สารตะกั่วนั้นเป็นโลหะพิษที่ปนเปื้อนอยู่ทั้งในน้ำดื่มที่ไหลผ่านท่อน้ำเก่า และน้ำในแทงก์น้ำ แม้จะผ่านการกรองแล้วก็ตาม การหลีกเลี่ยงนั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่า ซึ่งดูดซับสารตะกั่วไว้ในปริมาณน้อย และบ้านเรือนที่อยู่อาศัยนั้น หากเป็นบ้านเก่า ก็ควรได้รับการปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องใช้ เพื่อการอุปโภคและบริโภค
8.Arsenic หรือสารหนู เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นสารก่อมะเร็ง ทำให้เป็นมะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด และก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้อีกหลายอย่าง รวมทั้งทำให้เกิดปัญหากับต่อมไร้ท่อ รบกวนการทำงานของเอสโตรเจร โปรเจสเตอโรน รวมทั้งฮอร์โมนเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันโรค สารหนูนี้ มีอยู่ทั้งในน้ำและอาหาร ทั้งเนื้อสัตว์ และผลไม้อย่างแอปเปิล และองุ่น ที่อยู่ในฟาร์มซึ่งไม่มีคุณภาพ ดังนั้น แนวทางในการหลีกเลี่ยงก็คือ กรองน้ำผ่านระบบการกรองที่ได้มาตราฐาน เลือกรับประทานอาหารจากแหล่งผลิตที่มีคุณภาพ หรืออาหารออแกนนิค
9.Mercury หรือสารปรอท เป็นสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อไอคิวของเด็กเช่นกัน อีกทั้งยังส่งผลต่อฮอร์โมน และวงจรการมีประจำเดือนและการตกไข่ของผู้หญิง สารปรอทนี้ ยังทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน ซึ่งมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดด้วย สารปรอทนี้พบในอาหารทะเล เพราะสามารถปนเปื้อนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้กับแหล่งอุตสาหกรรม โดยเฉพาะพวกโรงงานถ่านหิน เราสามารถหลีกเลี่ยงสารปรอทได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารทะเล ที่มีปริมาณสารปรอทต่ำเช่นปลาแซลมอนอลาสก้า ปลาเทราท์ ปลาซาดีน และแอนโชวี่ ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปแล้วปลาเล็ก ๆ จะมีการปนเปื้อนน้อย
10.Perfluorinated chemicals สารเปอร์ฟลูออโรเนท หรือ PFCs สารนี้มีการศึกษาพบว่ามีผลกระทบต่อการทำงานของไทรอยด์ และมีความเกี่ยวข้องกับการเป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ อีกทั้งยังมีผลต่อภาวะการเจริญพันธุ์ของทั้งชายและหญิง รวมทั้งการผลิตไข่ของเพศหญิง เราพบสารชนิดนี้ในหม้อ กระทะ ที่มีการเคลือบสารกันการเกาะติด รวมทั้งยังมีอยู่ในเสื้อผ้าพวก ผ้าหุ้มเบาะ พรม กระเป๋าเป้ และพวกผลิตภัณฑ์ป้องกันน้ำ ป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ รวมทั้งยังพบในกล่องพิซซ่า ห่ออาหาร ถุงป๊อบคอร์นแบบไมโครเวฟ รวมทั้งถุงอาหารสัตว์ด้วย เราสามารถหลีกเลี่ยงสารดังกล่าวได้ด้วยการไม่ใช้ผลิตภัณฑ์พวก กอร์เท็ค ป้องกันคราบ และเทฟล่อน เพราะสิ่งเหล่านี้ มีการผสมสาร PFCs เข้าไปในการผลิต
11.Organophosphate pesticides หรือยากำจัดแมลงพวกฟอสเฟต สารพวกนี้ทำให้ระดับเทสทอสเทอโรน และฮอร์โมนเพศต่ำลง หากได้รับสารนี้ระหว่างการตั้งครรภ์ ก็มีความเสี่ยงต่อการแท้งลูก และมีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ เราพบว่ามีสารพวกนี้ในยาฆ่าแมลง ดังนั้นการหลีกเลี่ยงก็คือ การเลือกอาหารจากฟาร์มออร์แกนิค
12.Glycol ethers หรือไกลคอล อีเทอร์ มีผลกระทบต่อฮอร์โมน ทำให้สเปิร์มของเพศชายด้อยคุณภาพ เคลื่อนตัวช้าสารพวกนี้ใช้กันมากมายในวงการอุตสาหกรรม รวมทั้งพวกบริการซักแห้ง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด วิธีการหลีกเลี่ยงก็คือ ผ้าที่มีความบอบบาง ให้ซักด้วยมือแทนการซักแห้ง และทำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมใช้เองที่บ้าน
ที่มา : sanook

ข่าว10

รถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำบน ถ.กาญจนาภิเษก

รถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำบน ถ.กาญจนาภิเษก

           เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีประเภทกรดไนตริกพลิกคว่ำบนถนนกาญจนาภิเษกมุ่งหน้าบางบัวทอง ส่งผลให้สารเคมีรั่วไหล โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้น้ำมาฉีดทั่วบริเวณเพื่อเจือจางสารเคมี และขณะนี้สามารถย้ายรถออกจากจุดเกิดเหตุได้แล้ว
            เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดบริเวณจุดที่รถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำบนถนนกาญจนาภิเษกมุ่งหน้าบางบัวทอง หลังเกิดอุบัติเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณ 9.00 น. ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ต้องเร่งแก้ไขด้วยการให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ เนื่องจากมีรายงานว่าเป็นกรดไนตริกที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
            นายนิวพงษ์ ดีรักษา อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกคนนี้ ระบุว่า ตัวเอง และพนักงานของบริษัท วีเอส เคม (VS CHEM) ได้ขับรถบรรทุกคันดังกล่าว ซึ่งบรรทุกสารไนตริก มาจากบริษัท ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยจะนำสารเคมีนี้ไปส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดสระบุรี พอมาถึงจุดเกิดเหตุ ล้อรถหลังด้านซ้ายได้หลุดออกมา ส่งผลให้รถพลิกคว่ำทันที และสารเคมีที่บรรทุกมา จำนวน 120 แกลลอนได้หล่นลงบนพื้นถนน และมีบางแกลลอนรั่วไหล ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ
            โดยการแก้ไขเพื่อป้องกันอันตรายจากสารเคมี เจ้าหน้าที่ได้นำน้ำมาฉีดเพื่อเจือจางสารเคมี พร้อมเร่งยกรถบรรทุกที่พลิกคว่ำ และจัดเก็บสารเคมีในแกลลอนที่เหลือให้พ้นเส้นทาง โดยผู้ที่เข้าไปปฏิบัติงานต้องใส่หน้ากากป้องกันเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำครั้งนี้ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนี้ ตำรวจจะคุมตัวพนักงานทั้ง 2 คนไปสอบสวนเพิ่มเติม
            สำหรับเหตุดังกล่าวทำให้ตำรวจต้องปิดถนนกาญจนาภิเษกชั่วคราว ส่งผลให้การจราจรติดขัด แต่ขณะนี้สามารถเปิดเส้นทางใช้ได้ตามปกติแล้ว

ที่มา : news thaipbs

ข่าว9

สารเคมีที่เป็นอันตราย ตามกฎหมายห้ามนำเข้ามาเก็บในพื้นที่แหล่งชุมชน แต่ที่ผ่านมายังพบบริษัท และห้างร้านจำนวนมากละเลย และมีการลักลอบเก็บโดยไม่ขออนุญาต ล่าสุดเป็นของบริษัทบิวตี้โปรเฟสชั่นนัล ใน ซ.รามคำแหง 104 ซึ่งมีการรั่วไหล ส่งผลกระทบด้านกลิ่นจนต้องอพยพนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในรัศมี 200 เมตร

ผลกระทบสารเคมีรั่วไหล ในซ.รามคำแหง 104

การขนย้ายกล่องผลิตภัณฑ์ฟอกสีผม ที่เกิดการรั่วไหล จนเกิดควันสีขาวฟุ้งกระจายในปริมาณที่หนาแน่น ภายในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ซ.รามคำแหง104 เจ้าหน้าที่ป้องกันบรรเทาและสาธารณภัยจึงต้องสวมใส่ชุดป้องกันสารเคมี หรือ ชุดอาร์บี เพื่อไม่ให้สารเคมีสัมผัสร่างกาย หรือสูดดมเข้าไป
ระยะเวลาในการวางแผน และขนย้ายรวมกว่า 3 ชั่วโมง เริ่มจากเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเข้าไปสำรวจร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อตรวจหาความรุนแรงและระดับสารเคมีที่เกิดการรั่วไหล พบว่าสารเคมีดังกล่าวเป็นสารประกอบรองของสารโปรแตสเซียม เปอตันเฟส และสารโซเดียมเปอซันเฟส ทำปฏิกิริยาจนเกิดความร้อนปล่อยก๊าสซันเฟอไดออกไซด์ และไฮโดรเยนซัลไฟ ลักษณะเป็นควันสีขาวฟุ้งกระจายในปริมาณหนาแน่น ทำให้เกิดมลพิษโดยรอบ ทางแก้ไขที่ทำได้คือการขนย้ายกล่องผลิตภัณฑ์ที่เกิดความเสียหายหว่า 200 กล่อง ลงมาจากชั้น 4 ใส่ในถังพลาสติก ก่อนฉีดน้ำเพื่อลดการฟุ้งกระจาย
นอกจากเกิดมลพิษในบริเวณรัศมี 200 เมตร กรุงเทพมหานครก็ยังพบว่าก๊าซยังฟุ้งกระจายไปยังโรงเรียนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ แม้เจ้าหน้าที่จะควบคุมไม่ให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น แต่ทางโรงเรียนโสมาภานุสสรณ์ จำเป็นต้องอพยพนักเรียนกว่า 1,500 คน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 ถึง ประถมศึกษาปีที่ 6 ออกจากพื้นที่ หลังเกิดเหตุเพียง 1 ชั่วโมง
สำหรับผลกระทบ และผลข้างเคียงหากสัมผัส หรือสูดดมก๊าซในปริมาณที่มากเกินกำหนด จะรู้สึกแสบจมูก แสบตา และอาเจียน บางรายอาจส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจมีผลต่อปอด โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ส่วนสาเหตุ ของการรั่วไหลเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐาน อาจเกิดจากผลิตภัณฑ์หมดอายุ เมื่อถูกความชื้นจึงทำให้เกิดปฏิกิริยาของสารเคมีขึ้น สอดคล้องกับการตรวจสอบใบอนุญาติการเก็บสารเคมี ที่เจ้าหน้าที่คาดว่าบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ไม่ได้ขอใบอนุญาตจากทางสำนักงานเขต และเก็บผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยแยกประเภทของสารเคมีเป็นกลุ่มออกจากกัน
ที่มา : news thaipbs

ข่าว8

ระทึก! สารเคมีรั่วกลางกรุง กันเด็ก ชาวบ้าน ออกนอกพท.

ระทึก! สารเคมีรั่วกลางกรุง กันเด็ก ชาวบ้าน ออกนอกพท.
           สน.บางชัน รับแจ้งเหตุสารเคมีรั่วไหลภายใน ซ.รามคำแหง 104 แขวง-เขตสะพานสูง กทม.จึงเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 48/293 สูง 4 ชั้น ของบริษัทบิวตี้ โปรเฟสเชอน่อล บิวซีเนส จำกัด เป็นโกดังเก็บผลิตภัณฑ์กัดสีผม พบกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาภายในชั้น 3 นอกจากนี้ยังมีกลิ่นสารเคมีฟุ้งไปทั่ว ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้กั้นพื้นที่และแจกหน้ากากอนามัยปิดปากให้กับเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนและประชาชนภายในซ.รามฯ 104
        ทั้งนี้ บริเวณใกล้เคียงมีโรงเรียนอนุบาลเด็กเล็กจนถึงป.6 ทางเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้โรงเรียนปิดการเรียนชั่วคราวเพื่ออพยพเด็กให้ออกจากพื้นที่โดยเร็ว เป็นเหตุให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดเป็นแนวยาว
        จากการสอบสวน นายฉลองชัย ภูมิมาลา อายุ 52 ปี ผอ.ฝ่ายบุคคลของบริษัทดังกล่าวให้การว่า อาคารดังกล่าวเป็นโกดังเก็บกล่องผลิตภัณฑ์กัดสีผมก่อนที่จะเดินทางไปทำงานที่บริษัทซึ่งอยู่ห่างจากโกดังซอยเดียวกันประมาณ 200 เมตร และวันนี้ได้ติดต่อบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปทำลาย แต่ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูออกมาได้กลิ่นสารเคมีและเห็นกลุ่มควันลอยคลุ้งออกมาจากชั้น 3 จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทันที
        ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปขนย้ายกล่องเก็บผลิตภัณฑ์จากชั้น 3 นำมาใส่ไว้ในถังขยะสีเขียวของทางกรุงเทพมหานคร โดยได้ฉีดน้ำเข้าไปในถังด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปฏิกิริยา โดยจะนำไปทำลายที่จ.ราชบุรี
ที่มา : sanook

ข่าว7

ระทึก! สารเคมีในโรงงานรั่ว พนักงานหนีตายอลหม่าน


ระทึก! สารเคมีในโรงงานรั่ว พนักงานหนีตายอลหม่าน
       เกิดเหตุสารเคมีในโรงงานรั่ว พนักงานวิ่งหนีตาย เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุเอาไว้ได้ทัน จากเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
        เวลา 11.00 น. วันที่ 25 ต.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยไตรคุณธรรมว่า มีเหตุสารเคมีรั่วไหล บริษัทไทยเมกิ 2012 จำกัด เลขที่ 700/676 ม.7 ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี  มีพนักงานจำนวนมาก จึงรุดไปตรวจสอบทีเกิดเหตุ
            ที่เกิดเหตุเป็นโรงงานเคลือบโลหะที่แท็งก์เก็บสารเคมีภายในโรงงาน มีสารสีเหลืองมีกลิ่นเหม็น พนักงานจำนวนกว่า 130 คน วิ่งหนีตายออกมานอกโรงงาน บางรายมีที่สูบดมเข้าไปมีอาการหน้ามืดเวียนหัว เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน
           จากการสอบตรวจพบว่าสารเคมีดังกล่าวเป็นกรดไนตริกเป็นของเหลวไม่มีสี กลิ่นฉุนรุนแรง และมีความเป็นกรดสูง จึงอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังและผู้ที่สูดดม เบื้องต้นตอนนี้ทางโรงงานสามารถควบคุมการรั่วไหลได้แล้ว จากเหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
                                                           ที่มา : sanook

ข่าว6

พบถังสารเคมีอันตราย‬ในโกดัง ซ.‪พหลโยธิน 24 จนท.ยังไม่ยืนยันเป็นสารกัมมันตรังสี โคบอลต์ 60

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของโกดังปล่อยเช่า พบถังใส่สารเคมีอันตรายในโกดังของตนเอง บริเวณ ซ.พหลโยธิน 24 แยก 2-1 ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เบื้องต้นคาดเป็นสารกัมมันตรังสี โคบอลต์ 60 แต่ยังไม่การรั่วไหล รอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ พร้อมกันประชาชนออกนอกพื้นที่ 200 เมตร
              ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ยืนยันยังไม่มีการรั่วไหลขอสารเคมีอันตรายในโกดัง ซ.พหลโยธิน 24 ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังไม่ทราบชนิดสารเคมีที่แน่ชัด
                                                       ที่มา : news thaipbs

ข่าว5

รู้หรือไม่ ? ใครชอบแต่งหน้า เสี่ยงสะสมสารเคมี 2 กิโลต่อปี

            แค่ฟังก็ตกใจ ! สาวๆ บางคนอาจจะคิดไม่ถึงเลยว่า การแต่งหน้าของเรา เป็นไปได้ที่จะมีสารเคมีสะสม 2 กิโลเชียวหรือ .. . วันนี้ Woman+ เลยหยิบคอลัมน์ Beauty tips มาชี้แจงแถลงไขให้ได้ทราบกันค่ะ
              ปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้า และยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คลิกเดียวสาวๆ ก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมาย ทำให้สามารถแต่งหน้าได้หลากหลายและสนุกยิ่งขึ้น โดยเลือกสไตล์การแต่งหน้าได้ตามแบบที่แต่ละคนชื่นชอบรู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90%
                ซึ่งถ้าหากสาวๆ ไม่ดูแลปกป้องผิวหน้ากันอย่างดีแล้ว นอกจากจะได้ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเป็นของแถมแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งก่อเกิดมะเร็งได้ ประเด็นนี้คุณหมอโทนี่ วรพล สุขีวัฒนา ย้ำว่า การแต่งหน้าเยอะทุกวันทำให้ผิวหน้าได้รับออกซิเจนน้อยลงทำให้เซลล์เสื่อม และดูมีอายุก่อนวัย ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนอน ดังนั้นยิ่งผู้หญิงยิ่งแต่งหน้าหนามากเท่าไหร่ จะยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการดูแก่ก่อนวัยและผิวหมองคล้ำมากขึ้นเท่านั้น
ที่มา : sanook

ข่าว4

พบถังบรรจุสารเคมีต้องสงสัยว่าเป็น สารฝนเหลือง ที่สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
คลิกชมภาพต่อไป
19 มีนาคม 2542 พบถังบรรจุสารเคมี สภาพผุกร่อนขนาด 200 ลิตร ซึ่งไม่มีสารเคมีหลงเหลืออยู่ 1 ถัง และถังบรรจุสารเคมีจำนวน 5 ถัง ขนาดบรรจุ 15 ลิตร มีข้อความและหมายเลขกำกับว่า "Delaware Barrel PAT NO 2842282, Tri-sure, American lange, NY" ต้องสงสัยว่าเป็น "สารฝนเหลือง" ที่สนามบินบ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทุกฝ่ายเรียกร้องให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นสารเคมีตัวเดียวกับ "สารฝนเหลือง" (Agent Orange) ซึ่งสหรัฐอเมริกานำมาใช้ในยุคสงครามเวียดนามระหว่างปี 2504-2518 เพราะเป็นสารกำจัดวัชพืชชนิดรุนแรงที่ทหารอเมริกันใช้ฉีดพ่นเหนือผืนป่าอันกว้างใหญ่ของเวียดนามใต้ เพื่อทำลายป่าที่หลบซ่อนของทหารเวียดกง โดยมีการประมาณกันว่า อเมริกันใช้ฝนเหลืองร้อยละ 60 หรือ 42 ล้านลิตร จากจำนวนสารเคมี 72 ล้านลิตรที่ใช้ไปในสงครามครั้งนั้น
ที่มา : sanook

ข่าว3

อ.เจษฎาเตือน! สารเคมีจากเคสมือถือกลิตเตอร์อาจเสี่ยงผิวหนังไหม้-พุพอง

อ.เจษฎาเตือน! สารเคมีจากเคสมือถือกลิตเตอร์อาจเสี่ยงผิวหนังไหม้-พุพอง

             เคสโทรศัพท์มือถือชนิดที่สามารถใส่ของเหลว ทั้งแบบมีสีและไม่มีสี ผสมกลิตเตอร์ หรือกากเพชรวิววับ เป็นที่นิยมในหมู่คนไทย และชาวต่างชาติมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เห็นทีจะไม่ปลอดภัย 100% เมื่อมีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า เด็กหญิง 9 ขวบ เกิดเหตุของเหลวจากเคสโทรศัพท์มือถือรั่วไหล สัมผัสบนผิวหนังขณะนอนหลับทับเคส ตื่นเช้ามาพบรอยไหม้ และพุพอง
             นอกจากนี้ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังเตือนว่าหากผิวหนังสัมผัสของเหลวภายในเคสมือถือ ให้รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่ามากๆ เพื่อป้องกันผิวหนังพุพองจากสารเคมี
"ระวังอันตรายจากสารเคมี ในเคสมือถือ กลิตเตอร์
             ปรกติผมไม่ค่อยชอบโพสต์แบบเตือนภัยอันตรายต่างๆ เพราะเดี๋ยวนี้กลัวว่าพลังของโซเชียลมันจะทำให้สังคมแตกตื่นเกินไป แต่เรื่องนี้เห็นว่ายังไม่ค่อยเป็นที่ตระหนักกัน จึงขอยกขึ้นมาหน่อยเถอะ
ทางรายการ "ทุกข์ชาวบ้านสุดสัปดาห์" ช่อง TNN24 ได้มาขอสัมภาษณ์จากกรณีข่าวที่มีเด็กหญิงวัยแค่ 9 ปี นอนทับเคสโทรศัพท์มือแบบที่มีของเหลวใสใส่ตัวกลิตเตอร์สะท้อนแสงวาวๆ อยู่ด้านหลัง แล้วตื่นเช้ามา เกิดเป็นรอยแผลไหม้สารเคมีพุพอง ... เรื่องนี้จริงเท็จเป็นเช่นไร
จากการเช็คกูเกิ้ล แม้ว่าจะยังไม่เคยมีรายงานอันตรายลักษณะนี้ในไทย แต่ในต่างประเทศมีคนเจอแล้วหลายราย ทั้งในอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ จนเชื่อได้ว่าน่าจะเรื่องจริง ที่สำคัญที่ ไม่มีการเขียนเตือนไว้เลยที่กล่องสินค้า ว่าให้ระวังอันตรายจากสารเคมี
แม้ว่าจะไม่ทราบว่าสารเคมีข้างในนั้นคืออะไร (สงสัยต้องขอให้ อ.อ๊อด Weerachai Phutdhawong ช่วยตรวจดู) แต่เท่าที่ลองซื้อมาจากร้านค้าทั่วไป แล้วเจาะเอามาทดสอบง่ายๆ พบว่า ของเหลวในนั้น มันมีกลิ่นฉุนรุนแรง นิ้วแตะๆ ดูแล้วรู้สึกร้อน ลองเอาไปเทราดเนื้อไก่ไว้ พบว่าเนื้อไก่เปื่อยยุ่ยใน 10 นาที (เสียดายว่าวัดพีเอชด้วยกระดาษอินดิเคเตอร์ ไม่พบว่าเป็นกรดหรือด่างเข้มข้น) จึงน่าจะฟันธงได้ว่า มันเป็นสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายได้จริงๆ ถ้ารั่วซึมออกมา
ดังนั้น การใช้เคสมือถือกลิตเตอร์แบบนี้จึงควรระวังเป็นอย่างมาก อย่าไปทำให้มันแตกรั่วซึม ถ้าสัมผัสร่างกาย ให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าเยอะๆ
                                                      ที่มา : sanook

ข่าว2



อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี


อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี

                  สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า นายมูฮัมหมัด ปราเซตโย อัยการสูงสุดของอินโดนีเซียเผย ทางการเตรียมเพิ่มมาตรการลงโทษผู้ต้องหาที่กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก นอกเหนือจากการจำคุก ด้วยการฉีดสารเคมีที่ทำให้ผู้กระทำความผิดเป็นหมัน หลังจากที่อัตราคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
                     นายปราเซตโย กล่าวหลังจากที่เสร็จสิ้นการประชุมกับคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียว่า "(บทลงโทษใหม่)มันจะช่วยให้คนที่จะกระทำความผิดคิดทบทวนก่อนที่เขาจะก่ออาชญากรรม"
                   ขณะเดียวกันนายปราเซตโยกล่าวเพิ่มเติมว่า บทลงโทษใหม่จะได้รับการอนุมัติในเร็วๆ นี้ผ่านคำสั่งของผู้นำประเทศ ซึ่งมันจะกลายเป็นกฎหมายโดยทันที โดยไม่ต้องรอให้รัฐสภาลงมติสำหรับบทลงโทษนี้

                   โดยขั้นตอนการลงโทษคือการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไปในร่างกายของผู้กระทำผิด ที่จะช่วยยับยั้งและลดความต้องการทางเพศ
                    ก่อนหน้านี้มีหลายประเทศที่ใช้บทลงโทษเดียวกันนี้ในการจัดการกับผู้กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก อาทิ โปแลนด์ เกาหลีใต้ และในรัฐบางแห่งของประเทศสหรัฐฯ
                    ตามกฎหมายของอินโดนีเซียระบุว่า ผู้ที่กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็กต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี แต่ในหลายคดีผู้กระทำผิดได้รับโทษน้อยกว่านั้น
                     ทั้งนี้ จากข้อมูลของภาครัฐระบุว่า จำนวนคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพิ่มขึ้นจาก 2,178 คดีในปี 2011 เป็น 5,066 คดีในปี 2014


                                                                        ที่มา:sanook

ข่าว1

ระทึก! สารเคมีรั่วกรุงเทพกรีฑา-เร่งตรวจสอบ

ระทึก! สารเคมีรั่วกรุงเทพกรีฑา-เร่งตรวจสอบ

            เกิดเหตุระทึก! สารเคมีไม่ทราบชนิด รั่วไหล บริเวณ ซอยกรุงเทพกรีฑา 35 เจ้าหน้าเร่งตรวจสอบ
               เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุพบสารเคมีถูกทิ้งลงแหล่งน้ำ บริเวณหน้า บริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ตรงข้ามซอยกรุงเทพกรีฑา 35 ถนนกรุงเทพกรีฑา แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สำนักอนามัย เจ้าหน้าที่เขตสะพานสูง ดับเพลิงหัวหมาก และห้วยขวางรุดที่เกิดเหตุ พร้อมนำเครื่องตรวจวัดสารเคมีเพื่อตรวจสอบ   พบเป็นสารเคมีรั่วไหลออกมากจากบริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ลงไปที่บริเวณบ่อระบายน้ำด้านหน้าบริษัทจำนวน 3 บ่อ ทำให้น้ำในบ่อที่ 1 และบ่อที่ 2 ลักษณะของน้ำเป็นสีชมพู และบ่อที่ 3 ลักษณะเป็นสีดำมีคราบน้ำมันปะปน
               โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบชนิดของสารเคมีดังกล่าว และป้องกันสารเคมีรั่วไหลลงสู่คลองสาธารณะ ทั้งนี้ ได้มีการกั้นบริเวณโดยรอบเพื่อป้องกันเหตุและห้ามประชาชนเข้าใกล้ในพื้นที่
                 อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบเป็นสาร Kerosene ลักษณะเป็นของเหลวไวไฟ มีคุณสมบัติกัดกร่อน pH5 กระจายตัวในท่ออระบายน้ำหน้าโรงงานประมาณ 200 เมตร
                 ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ใช้กระดาษซับสารที่อยู่บริเวณผิวหน้าและตักใส่ถุง และใช้สารสลายคราบไขมันฉีดพ่น เพื่อกำจัดคราบสารเคมี
                                                             ที่มา:sanook